จุดประสงค์หลักของการใช้เรซิ่นในระบบกรองน้ำ
-
ลดความกระด้างของน้ำ (Water Softening)
-
เรซิ่นชนิด Cation Exchange Resin จะทำหน้าที่ แลกเปลี่ยนแคลเซียม (Ca²⁺) และแมกนีเซียม (Mg²⁺) กับโซเดียม (Na⁺) ซึ่งเป็นไอออนอ่อน
-
ลดการเกิดตะกรันในหม้อต้ม, ฮีตเตอร์, ท่อ, และอุปกรณ์ต่างๆ
-
-
กำจัดไอออนโลหะหนัก (Heavy Metal Removal)
-
เรซิ่นสามารถดูดจับโลหะบางชนิดเช่น เหล็ก (Fe²⁺/Fe³⁺), แมงกานีส (Mn²⁺), ตะกั่ว (Pb²⁺) และแคดเมียม (Cd²⁺)
-
-
กำจัดแอมโมเนีย (NH₄⁺) ในน้ำดื่ม/น้ำเสีย
-
เรซิ่นชนิดพิเศษสามารถแลกเปลี่ยนแอมโมเนียกับโซเดียมหรือน้ำไฮโดรเจนได้
-
-
การทำให้น้ำบริสุทธิ์ (Demineralization หรือ Deionization)
-
ใช้ เรซิ่นแบบแคทไอออน (Cation) และ แอนไอออน (Anion) ร่วมกัน เพื่อกำจัดแร่ธาตุทุกชนิดออกจากน้ำ
-
ประเภทของเรซิ่นที่ใช้
ประเภทเรซิ่น | การใช้งานหลัก | ตัวอย่างสารแลกเปลี่ยน |
---|---|---|
Cation Resin (Strong Acid) | กำจัด Ca²⁺, Mg²⁺, Fe²⁺ | แลกเปลี่ยนกับ Na⁺ หรือ H⁺ |
Anion Resin (Strong Base) | กำจัด Cl⁻, NO₃⁻, SO₄²⁻ | แลกเปลี่ยนกับ OH⁻ |
Mixed Bed Resin | ใช้ในระบบ RO/DI | ผสมทั้ง Cation + Anion |
การฟื้นฟูเรซิ่น (Regeneration)
-
เรซิ่นสามารถฟื้นฟูได้โดยใช้:
-
NaCl (น้ำเกลือ) สำหรับเรซิ่นชนิดแลกเปลี่ยนโซเดียม
-
HCl หรือ H₂SO₄ สำหรับคายไอออนบวก (Cation Resin)
-
NaOH สำหรับคายไอออนลบ (Anion Resin)
-
ความกระด้างของน้ำ (Water Hardness) คือสมบัติของน้ำที่เกิดจากการมีแร่ธาตุบางชนิดละลายอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอออนของแคลเซียม (Ca²⁺) และ แมกนีเซียม (Mg²⁺) ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของความกระด้างที่พบได้ทั่วไปในน้ำธรรมชาติ
สาเหตุทางเคมีของความกระด้างของน้ำ
-
การละลายของแร่ธาตุในหินปูนและดิน
-
น้ำฝน (H₂O) มีค่าความเป็นกรดอ่อน ๆ จากการละลาย CO₂ ในอากาศ ได้เป็นกรดคาร์บอนิก (H₂CO₃)
CO2+H2O→H2CO3 -
เมื่อน้ำนี้ไหลผ่านดินหรือหินที่มีแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃) หรือแมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgCO₃) จะทำให้เกิดการละลายและได้ไอออนในรูปของความกระด้าง:
CaCO3+H2CO3→Ca2+ + 2HCO3 MgCO3+H2CO3→Mg2+ + 2HCO3
-
-
แหล่งกำเนิดอื่นของความกระด้าง (เช่น น้ำใต้ดิน)
-
แร่ยิปซัม:
CaSO4→Ca2+ + SO42 -
แร่โดโลไมต์:
CaMg(CO3)2→Ca2++Mg2++2CO32
-
⚗️ ประเภทของความกระด้าง
ประเภทความกระด้าง | ไอออนหลัก | ลักษณะ | วิธีแก้ไข |
---|---|---|---|
1. ความกระด้างชั่วคราว (Temporary Hardness) | Ca²⁺, Mg²⁺ (จาก HCO₃⁻) | เกิดจากแคลเซียม/แมกนีเซียมไบคาร์บอเนต | ต้มน้ำแล้วตกตะกอนเป็น CaCO₃ ได้ |
2. ความกระด้างถาวร (Permanent Hardness) | Ca²⁺, Mg²⁺ (จาก SO₄²⁻, Cl⁻, NO₃⁻) | ไม่สามารถกำจัดด้วยการต้ม | ต้องใช้เรซิ่นแลกเปลี่ยนไอออนหรือ RO |
⚠️ ผลเสียของน้ำกระด้าง
ผลกระทบ | รายละเอียด |
---|---|
ในระบบเครื่องจักรและท่อ | เกิดคราบหินปูน (scale) ตกตะกอนในหม้อไอน้ำ, เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน และท่อ ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงและเกิดการอุดตัน |
ในงานซักล้างและทำความสะอาด | ทำให้สบู่หรือผงซักฟอกเกิดฟองน้อย เพราะไอออน Ca²⁺ และ Mg²⁺ ทำปฏิกิริยากับสบู่เกิดเป็นก้อนไม่ละลายน้ำ |
⚗️ ในอุตสาหกรรมอาหาร/ยา | ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการน้ำอ่อน เช่น การผลิตน้ำดื่ม, น้ำอัดลม, เบียร์ |
ต่อสุขภาพ (ในบางกรณี) | ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ในบางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาไตในผู้ที่มีโรคประจำตัว |
การอาบน้ำหรือใช้ในบ้าน | ผิวแห้ง ผมแข็งกระด้าง และเกิดคราบน้ำขาวในก๊อกหรือกระจก |
วิธีตรวจวัดความกระด้าง
-
Titration (EDTA method) – ใช้สารละลาย EDTA หาค่าไอออนรวมของ Ca²⁺ และ Mg²⁺
-
หน่วยที่ใช้วัดความกระด้าง:
-
mg/L (ppm) CaCO₃
-
ระดับความกระด้างตาม WHO:
-
ความกระด้าง (mg/L CaCO₃) | ระดับ |
---|---|
0 – 60 | น้ำอ่อน |
61 – 120 | น้ำกระด้างปานกลาง |
121 – 180 | น้ำกระด้าง |
|
การกำจัดอิออนในน้ำด้วย Ion Exchange
1. ประวัติการค้นพบ Ion Exchange
แนวคิดเรื่องการแลกเปลี่ยนอิออนเริ่มจาก Thomas Graham (1805–1869) และ Adolf Ferdinand Gehlen ศึกษาแร่ที่มีคุณสมบัติแลกเปลี่ยนอิออน เช่น zeolite ในช่วงปี 1850s มีการค้นพบในอังกฤษว่าดินสามารถแลกเปลี่ยนอิออนกับแอมโมเนียได้ ต่อมาในปี 1935 บริษัท Rohm and Haas ได้พัฒนาเรซิ่นสังเคราะห์รุ่นแรก
2. พัฒนาเป็นเม็ดเรซิ่น
เรซิ่นมีโครงสร้างเป็นพอลิเมอร์ไม่ละลายน้ำ เช่น Polystyrene-Divinylbenzene (PS-DVB) พร้อมหมู่ฟังก์ชันที่สามารถแลกเปลี่ยนอิออนได้ เช่น -SO₃⁻H⁺ (Cation) และ -N⁺(CH₃)₃OH⁻ (Anion)
3. วิธีการจับประจุของเรซิ่น
ทำงานผ่านปฏิกิริยาแลกเปลี่ยนอิออน เช่น R-SO₃⁻Na⁺ + Ca²⁺ ⇌ R₂-SO₃⁻Ca²⁺ + 2Na⁺ แบ่งเป็น Strong/Weak Acid Cation และ Strong/Weak Base Anion
4. ลำดับความสามารถในการจับไอออน (Ion Selectivity)
Cation Exchange Resin (เรียงจากดูดซับง่าย → ยาก):
Ba²⁺ > Pb²⁺ > Ca²⁺ > Ni²⁺ > Mg²⁺ > K⁺ > NH₄⁺ > Na⁺ > H⁺
Anion Exchange Resin (เรียงจากดูดซับง่าย → ยาก):
SO₄²⁻ > I⁻ > NO₃⁻ > Br⁻ > Cl⁻ > OH⁻
5. อุปกรณ์ในการใช้งานเรซิ่น
ประกอบด้วยถังกรองแรงดัน หัวจ่ายบน-ล่าง ระบบควบคุมการล้างเรซิ่น เครื่องวัด TDS และระบบฟื้นฟูเรซิ่นอัตโนมัติ
6. การล้างฟื้นฟูเรซิ่น (Regeneration)
Cation Resin: ใช้ NaCl 10% หรือ HCl 4–8% โดยใช้ ~12.6 กก./100 ลิตรเรซิ่น
Anion Resin: ใช้ NaOH 4% โดยใช้สูตรคำนวณตาม capacity ของเรซิ่น
ตัวอย่าง: เรซิ่น 100 ลิตร, exchange capacity = 1.8 eq/L → ใช้ NaCl ~12.6 kg
7. สรุป
หัวข้อ |
รายละเอียด |
ค้นพบ |
จากดินและแร่ zeolite ต่อมา Rohm and Haas พัฒนาเรซิ่นสังเคราะห์ในปี 1935 |
โครงสร้างเรซิ่น |
PS-DVB กับหมู่ฟังก์ชันที่จับอิออน |
การจับประจุ |
แลกเปลี่ยนอิออนผ่านหมู่ SO₃⁻ และ N⁺(CH₃)₃ |
Ion Selectivity |
ขึ้นกับประจุและขนาดไฮเดรชันของอิออน |
การฟื้นฟู |
ใช้ NaCl, HCl หรือ NaOH ร่วมกับสูตรคำนวณ
|
ตัวอย่างการออกแบบ การเลือกปั๊ม ขนาดถังกรอง ประเภทสารกรองและจำนวนสารกรอง โดย Flow rate 3cu./hr. ค่า Turbid น้อยกว่า 5 NTU TDS 650 mg/L residual chlorine 1 ppm hardness 650 mg/L.ต้องการออกแบบการกรองน้ำที่มีค่าความบริสุทธิ์ของน้ำที่ 18 megaohm
การออกแบบระบบผลิตน้ำดีมินโดยไม่ใช้ RO
1. ข้อมูลน้ำดิบที่กำหนด
รายการ |
ค่า |
TDS |
650 mg/L |
Hardness (CaCO₃) |
150 mg/L |
Cl₂ เหลือ |
1 mg/L |
Turbidity (NTU) |
≤ 5 |
Flow Rate |
3,000 L/h |
ความบริสุทธิ์ต้องการ |
≥ 18 MΩ·cm |
2. ขั้นตอนการออกแบบระบบ
2.1 ปั๊มน้ำดิบ
- อัตราการไหล: 3 m³/h
- TDH โดยประมาณ: 3-4 bar
- ชนิดปั๊ม: ปั๊มหอยโข่งชนิดแรงดันสูง (multistage centrifugal)
✅ เลือกปั๊มขนาด: 3 m³/h @ 4 bar
2.2 ระบบกรองเบื้องต้น (Pre-treatment)
2.2.1 ถังกรองทราย (Sand Filter)
- กำจัดความขุ่น ≤ 5 NTU
- Service Velocity: 10 m/h
- Bed Depth: 1.2 m
- Flow Rate: 3 m³/h
- พื้นที่หน้าตัดถัง: A = Q/v = 3/10 = 0.3 m²
- D = 2 × √(A/π) ≈ 0.62 m → ใช้ถัง ø 650 mm
✅ ขนาดถัง: ø650 mm, สูงรวม ≈ 1.8 m
2.2.2 ถังกรองคาร์บอน (Activated Carbon)
- กำจัด Cl₂ เหลือ ≤ 0.1 ppm
- EBCT (Empty Bed Contact Time): ≥ 5 นาที
- Flow Rate: 3 m³/h = 50 L/min
- Volume: V = EBCT × Q = 5 × 50 = 250 L
- เลือกถังที่มี Volume 250 L: เช่น ถัง ø800 mm สูง ≈ 0.5 m
✅ ขนาดถัง: ø800 mm, Bed depth ≈ 0.5 m
2.3 Softener (Cation Resin)
- กำจัด Ca²⁺, Mg²⁺
- Hardness = 150 mg/L as CaCO₃
- Resin Exchange Capacity ≈ 1.1 eq/L
- โหลดอิออนรายวัน = 72 × 150 = 10,800 g/d = 216 eq/d
- ต้องการเรซิ่น = 216 / 1.1 ≈ 196 L → ปัดเป็น 200 L
✅ ขนาดถัง: ø1000 mm, Bed depth ≈ 0.8 m
2.4 Mixed Bed Ion Exchange
- ขจัดทั้ง Cation/Anion ที่เหลือทั้งหมด
- ต้องใช้ High-purity resin (Nuclear grade)
- ตัวอย่างเรซิ่น: Dowex MR-575LC NG, Purolite MB400MBP
3. สูตรการดูดจับของเรซิ่น (Ion Exchange Reaction)
Cation Exchange:
R-H + Ca²⁺ → R₂Ca + 2H⁺
Anion Exchange:
R-OH + Cl⁻ → R-Cl + OH⁻
Mixed Bed:
R-SO₃⁻H⁺ + Na⁺ → R-SO₃⁻Na⁺ + H⁺
R-NH₃⁺OH⁻ + Cl⁻ → R-NH₃⁺Cl⁻ + OH⁻
4. การฟื้นฟู (Regeneration)
Resin Type |
สารเคมีฟื้นฟู |
สูตรโดยประมาณ |
Cation (Softener) |
NaCl 10% |
100–150 g/L resin |
Anion Resin |
NaOH 4–5% |
60–100 g/L resin |
Mixed Bed |
Regen แยกโดยแยกเรซิ่น |
Backwash + Regen แยก |
5. สรุปแบบตารางอุปกรณ์
ลำดับ |
อุปกรณ์ |
ขนาดโดยประมาณ |
หน้าที่ |
1 |
ปั๊มน้ำดิบ |
3 m³/h @ 4 bar |
ดูดน้ำเข้า |
2 |
Sand Filter |
ø650 × 1800 mm |
กรองตะกอน |
3 |
Carbon Filter |
ø800 × 1500 mm |
กำจัดคลอรีน |
4 |
Softener |
ø1000 × 1800 mm, Resin 200L |
ลด hardness |
5 |
Mixed Bed Resin |
ø600–800 mm, Resin 100L |
ผลิตน้ำ 18 MΩ·cm |
คำถาม
การทำน้ำ softening หรือน้ำอ่อน มีความสำคัญอย่างไร ถ้าไม่ทำ
softening จะเกิดผลเสียอะไร
วิธีการคำนวณ ขั้นตอนการทำอย่างละเอียด แสดงสูตรเคมี
รวมถึงยกตัวอย่างน้ำดิบที่มีค่า hardness 300 mg/L
ความขุ่น 2 NTU ค่าคลอรีนหลงเหลือ 1.5 ppm flow 50 คิวต่อชั่วโมง
คำนวณรอบการล้างเกลือ
อธิบายวิธีคำนวณทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ใช้เรซิ่น DuPont เริ่มตั้งแต่เลือกปั๊มน้ำดิบ
Ebara
ความสำคัญของการทำน้ำอ่อน (Softening)
·
ลดการเกิดหินปูน (Scale) ที่อาจอุดตันท่อ ปั๊ม
และเครื่องจักร
·
ช่วยยืดอายุการใช้งานของ RO Membrane, Boiler,
ฮีตเตอร์
·
ลดการใช้สารเคมีในการล้างทำความสะอาด
·
ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์
และลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง
หากไม่ทำน้ำอ่อน
·
เครื่องจักรเกิดคราบหินปูน ส่งผลให้สูญเสียพลังงาน
·
ความร้อนถ่ายเทได้ช้า ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
·
ต้องล้างเครื่องบ่อยด้วยกรด
ซึ่งเสี่ยงต่อการกัดกร่อน
·
ค่าซ่อมและเปลี่ยนอุปกรณ์สูงขึ้น
ข้อมูลน้ำดิบที่กำหนด
·
Hardness = 300 mg/L (as CaCO₃)
·
ความขุ่น (NTU) = 2
·
คลอรีนหลงเหลือ = 1.5 ppm
·
Flow rate = 50 ลบ.ม./ชม.
·
เรซิ่น DuPont
·
ปั๊มดูดน้ำ Ebara
1. เลือกปั๊มน้ำดิบ Ebara
·
Flow = 50 m³/h, Assume TDH = 20 m
·
เลือก: Ebara Model: 3M 65-250/22 (Q = 50 m³/h, H
= 20 m, 22 kW)
2. การเลือกเรซิ่น DuPont สำหรับ Softening
·
ใช้เรซิ่น DuPont AmberLite™ IR120 Na (strong
acid cation, sodium form)
·
Capacity: Typical Total Exchange Capacity = 1.9
eq/L
·
สำหรับ Softening: ใช้ได้จริง ~ 50,000 grains/ft³
= 1070 g CaCO₃/L
3. ปริมาณสารที่ต้องกำจัดต่อวัน
·
Flow: 50 m³/h → วันละ 1200 m³/day
·
Hardness Load = 300 × 1,200,000 = 360,000,000
mg/day = 360 kg/day
4. ปริมาณเรซิ่นที่ต้องใช้
·
Capacity เรซิ่น = 1070 g/L = 1.07 kg/L
·
360 kg / 1.07 kg/L = 336.45 L ของเรซิ่น
·
เผื่อ safety factor 20% → ใช้เรซิ่นประมาณ 400
ลิตร
5. ขนาดถัง Softener
·
Bed Depth = 1.0 m, Freeboard = 0.5 m
·
ใช้ถัง Ø 1.0 m, สูง 2.0 m (volume ~785 L)
·
Resin bed height = 1.0 m → ~400 L
6. สูตรเคมีในกระบวนการ Softening
·
2R-Na + Ca²⁺ → R₂Ca + 2Na⁺
·
2R-Na + Mg²⁺ → R₂Mg + 2Na⁺
7. รอบการล้างเรซิ่น (Regeneration Cycle)
·
300 mg/L hardness = 0.3 g/L
·
1 L resin ใช้ได้น้ำ = 1070 / 0.3 = 3566 L
·
400 L resin = 1,426,400 L ต่อรอบ (~1,426 m³)
·
Flow = 50 m³/h → ~28.5 ชั่วโมง/รอบ
8. การล้างเรซิ่น (Regeneration)
·
NaCl 10% (เกลือแกง), ใช้ ~50 kg ต่อรอบ
·
Backwash: 10–15 นาที
·
Brine Injection: 40–60 นาที
·
Slow Rinse: 10–20 นาที
·
Fast Rinse: 10–20 นาที
9. ระบบ Pre-treatment ที่ควรติดตั้ง
·
Sand Filter: ลด NTU จาก 2 → < 1
·
Carbon Filter: กำจัดคลอรีนตกค้าง
·
Softener: DuPont AmberLite™ IR120 Na
·
Brine Tank: เก็บ NaCl สำหรับล้างเรซิ่น